Wednesday , May 1 2024
Home / บทความ / ขอพูดด้วยคน / ขอพูดด้วยคน ฉบับวันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม 2018

ขอพูดด้วยคน ฉบับวันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม 2018

คนไทยในอเมริกาทุกคนรู้จักคำว่า “โอบาม่า แคร์”(Patient Protection and Affordable Care Act) ซึ่งเป็นกฎหมายประกันสุขภาพที่ออกในยุคประธานาธิบดี บารัค โอบามา เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2010 มีจุดประสงค์ที่จะให้ประชาชนอเมริกันทุกคนมีประกันสุขภาพโดยมีข้อกำหนดว่า

1.ไม่คำนึงว่าบุคคลนั้นๆ จะมีปัญหาเรื่องสุขภาพมาก่อนหรือไม่ บริษัทประกันสุขภาพจะต้องรับประกันสุขภาพของประชาชนอเมริกันทุกๆ คน  เช่นบางคนอาจป่วยด้วยโรคเอดส์ซึ่งแน่นอนว่าค่ารักษาพยาบาลจะสูงมากทำให้บริษัทประกันสุขภาพจะไม่ยอมรับประกันผู้ที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรง

2.บริษัทประกันจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลโดยไม่มีกำหนดว่าจะมากน้อย  เพียงไร

3.บริษัทที่รับประกันจะต้องมีบริการเพื่อสุขภาพต่างๆ เช่น รถพยาบาล -การรักษาด้วยการผ่าตัด -การคลอดบุตร-ยาตามใบสั่งของหมอ-บริการพักฟื้นหลังจากออกจากโรงพยาบาล -การรักษาโรคจิต- ห้องแล็บเพื่อวินิฉัยโรค -มีโครงการให้การศึกษาแก่ประชาชนเพื่อป้องกันโรค และมีหมอเด็ก

4.กฏหมายบังคับให้ประชาชนอเมริกันทุกคนต้องมีประกันสุขภาพอย่างน้อยที่สุด (ประกันมีหลายราคา) หากไม่ทำตามกฎหมายจะต้องถูกโทษด้วยการปรับเป็นเงิน$95 ในปีแรก ที่ไม่มีประกันสุขภาพ หรือ 1% ของเงินรายได้ (ขึ้นอยู่ว่าอย่าง ไหนจะมากกว่า) สำหรับบุคคลที่ไม่มีประกันสุขภาพแม้นว่าจะถูก ไอ.อาร์.เอส.ปรับแต่จะไม่มี ความผิดตามกฎหมายอาญาหรือกฎหมายแพ่ง และรัฐบาลจะไม่มีสิทธิยึดทรัพย์สิน ของบุคคลที่ทำผิดกฎหมายด้วยการไม่มีประกันสุขภาพแต่ไอ.อาร์.เอส. มีสิทธิที่จะยึดเงินค่าปรับจากเงินที่บุคคลนั้นๆ จะได้กลับคืนจาก ไอ.อาร์.เอส.

5.ไม่มีกำหนดว่าผู้ประกันจะมีอายุเท่าไร

ข้อความที่บรรยายมาเป็นกฎหมายที่ใช้กับประชาชนทั่วประเทศ แต่ระบบประกันสุขภาพ (โอบาม่า แคร์)ในรัฐแต่ละรัฐจะแตกต่่างกันออกไป   ในรัฐแคลิฟอร์เนีย มีโปรแกรมสำหรับ โอบาม่า แคร์ เรียกว่า Covered California health แต่ละคนมีสิทธิที่จะเลือกองค์กรสุขภาพที่จะดูแลเราได้ตามใจชอบ โดยขึ้นอยู่กับรายได้ว่าจะต้องควักกระเป๋าจ่ายเท่าไร

คิดง่ายๆว่าสำหรับคนที่มีรายได้น้อย รัฐบาลกลางจะช่วยจ่ายให้โดยคิดเปรียบเทียบจากตารางผู้มีรายได้น้อยที่รัฐบาลกลางกำหนดไว้เรียกว่า  Federal Poverty Level  (FPL)                                                                           บุคคลที่มีรายได้อยู่ระหว่าง 0% ถึง 400% จะได้รับความช่วยเหลือ เป็นสัดส่วนกับรายได้และจำนวนคนในครอบครัว (FPL 2019)                                               ตัวอย่างเช่น คนโสด (คนเดียวไม่ต้องเลี้ยงดูใคร) หากมีรายได้ปีละ $12,140 จะคิดเป็น 100% FPL  และคนๆ เดียวกันนี้หากมีรายได้ $48,560                 จะคิดเป็น FPL 400%

องค์กรที่รับประกันมีหลากหลาย เช่น Kaiser Permanente – Blue Cross –Blue Sheild-Health Net –L.A.Care ฯลฯ

“หน่วยงานที่บริการสุขภาพ” มีระบบการทำงานที่แตกต่างกันออกไป จะเลือกองค์กรไหน ต้องสอบถามและอ่านให้ละเอียด  ส่วนที่รัฐบาลจะช่วยเหลือจ่ายค่าประกันสุขภาพให้เท่าไร ขึ้นอยู่กับรายได้และ Plan ที่เราจะเลือกไม่สามารถที่จะเขียนอธิบายให้ละเอียดได้ในเนื่อที่จำกัด     ขอลงท้ายเกี่ยว กับโอบาม่า แคร์ ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่สามารถที่จะล้มโครงการโอบาม่า แคร์ ได้และกลับกลายเป็นประเด็นสำคัญในการหาเสียงสำหรับพรรครีพับลิกัน ที่พ่ายพรรคดีโมแครต ในการเลือกตั้ง Mid Term เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 ที่ผ่านมา    พรรคดีโมแครตสามารถยึดเอาสภาล่างมาเป็น“ทุน”ในการต่อกรกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ ส่วนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะนี้กำลังถูกกระบวนการพิจารณากล่าวหาว่าร่วมมือกับรัสเซียเพื่อให้ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ

 

 

Check Also

ขอพูดด้วยคน ฉบับวันศุกร์ที่ 26 เมษายน 2024

Washington — The House approved a $95 billion foreign aid package in a pivotal moment ...

Leave a Reply