Tuesday , September 30 2025
Breaking News
Home / บทความ / ขอพูดด้วยคน / คนไทยทั้งประเทศต้องรู้“ความจริง” โครงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา

คนไทยทั้งประเทศต้องรู้“ความจริง” โครงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา

ET1

          

โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขนาด 2,200 เมกะวัตต์ ตั้งบนเนื้อที่ 2,960 ไร่ ริมทะเลต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา ใช้ถ่านหินสั่งเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมี การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (อินเตอร์) ถือหุ้นอยู่ประมาณ 12% (ตามอนุมัติของครม.ชุด “ลุงตู่” ให้ซื้อหุ้นบริษัทขุดถ่านหินในอินโดนีเซียเป็นเงิน 1.17 หมื่นบาท) โรงไฟฟ้าแห่งนี้ต้องเผาถ่านหินถึงวันละ 23 ล้านกิโลกรัม

ขอแบ่งเหตุผลคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าเทพาเป็นข้อๆ           

1.คำว่า”ถ่านหินสะอาด”นั้นเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ ถ่านหินมีโลหะหนักปะปนมาด้วยจำนวนมาก ในแต่ละปี ถ่านหินที่นำเข้าจะปนเปื้อนปรอท 4,200 kg, แคดเมียม 8,400 kg, สารหนู 75,000 kg และตะกั่ว 168,000 kg  โรงไฟฟ้าที่ผลิตกระแสไฟ 2,200 เมกะวัตต์ต้องเผาถ่านหินถึงวันละ 23 ล้านกิโลกรัม

การติดตั้งเครืองบำบัดมลพิษ (After burner) จะไม่สามารถกำจัดมลพิษได้ 100% ตามคำโฆษณาชวนเชื่อของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต

เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ โดยบีบอัด คาร์บอนไดออกไซด์ให้กลายเป็นของเหลวแล้วพ่นลงชั้นหินใต้ดินซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ราคาแพงและการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ไว้ใต้ดินนั้น ไม่ทราบได้ว่าจะคงสภาพ “มลพิษ”อยู่ได้ยาวนานอีกกี่ร้อยปี

สรุปว่าในปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีที่ดักจับมลพิษในก๊าซได้ทั้งหมด และยิ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงค่าใช้จ่ายจะสูงตามไปด้วย

2.โรงไฟฟ้าขนาด 2,200 เมกะวัตต์จะต้องเผาถ่านหินวันละ 23 ล้านกิโลกรัมตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะปล่อยควันออกทางปล่องที่สูง 200 เมตร (สูงเท่าตึก 65 ชั้น) มลพิษทางอากาศทั้งควันที่มองเห็นและสารพิษที่มองไม่เห็นจะกระจายกว้างครอบคลุมถึงหาดใหญ่ สงขลาและปัตตานี แต่การศึกษาผลกระทบนั้นกลับทำเพียง 5 กิโลเมตร

3.สัตว์น้ำในทะเลสงขลา-ปัตตานี จะกินไม่ได้เพราะจะปนเปื้อนโลหะหนักและสารพิษ มากมายที่ยากจะตรวจวัด แม้จะไม่เกินค่ามาตรฐาน แต่การกินอาหารที่ ปนเปื้อนยาวนานเป็นสิบปี ย่อมส่งผลเสียและเป็น

โรคมะเร็ง กุ้งเลี้ยงในบ่อกุ้งที่เทพา-หนองจิกจะปนเปื้อนส่งออกไม่ได้ มีผลกระทบเศรษฐกิจชุมชนโดยตรง

4.เรือขนส่งถ่านหินขนาดใหญ่ที่เข้าออกวันละ 4 เที่ยว อาจมีอุบัติเหตุอับปางลงได้ซึ่งถ่านหินจะก่อให้เกิดมลพิษในทะเล เช่นเดียวกับการอับปางของเรื่อขนส่งน้ำมันที่เกิดขึ้นอยู่เป็นเนืองนิตย์

5.การนำน้ำทะเล มาบำบัดซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และนำไปใช้ในระบบหล่อเย็นถึงวันละ 9 ล้านคิว (เท่ากับใช้น้ำทะเลในพื้นที่กว้าง 1 กิโลเมตร ยาว 9 กิโลเมตร และลึก 1 เมตร)และการปล่อยน้ำหล่อเย็นที่ร้อนจัดกลับออกสู่ทะเลมีมาตรการอะไรที่จะป้องกันระบบนิเวศของสัตว์ในท้องทะเลที่จะถูกดูดขึ้นมา

6.บ่อเก็บขี้เถ้าถ่านหินขนาดกว่าพันไร่ แม้ปูด้วยแผ่นพลาสติกหนาไม่ให้น้ำซึมลงดิน แต่มรสุมและพายุฝนตกหนัก อาจทำให้บ่อเก็บเถ้าเกิดน้ำล้น เถ้าถ่านหินที่เต็มไปด้วยโลหะหนักและความสกปรกถูก

ชะลงสู่ผืนดิน แหล่งน้ำและท้องทะเล ทรายและท้องทะเลจะเป็นสีดำเหมือนที่มาบตาพุด และบ่อเก็บเถ้าจะคงอยู่อีกเป็นนับหมื่นพันปี แม้ว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีอายุใช้งาน 40 ปีจะปิดตัวลงไปแล้วก็ตาม

7.สะพานท่าเรือขนถ่ายถ่านหินที่ยื่นไปในทะเลถึง 3 กิโลเมตรและเขื่อนกั้นน้ำทะเลเพื่อดูดน้ำทะเลมาหล่อเย็นในโครงการที่ทิ้งหินยื่นไปในทะเลยาว 500 เมตร จะทำให้เกิดการกัดเซาะชายหาดเทพาที่สวยงามอย่างรุนแรงเมื่อกัดเซาะก็ต้องทำกำแพงทิ้งหิน ใน 10 หาดทรายขาวสะอาดและรีสอร์ทเรียง

รายจะกลายเป็นกำแพงทิ้งหินหลายสิบกิโลเมตรตั้งแต่ปากน้ำเทพาจนถึงปากน้ำสะกอม

8.ป่าชายเลนแห่งคลองตุหยงจะเสื่อมโทรม ซึ่งเป็นป่าชายเลนขนาดใหญ่ที่สุดเนื้อที่หลายร้อยไร่ และสมบูรณ์ที่สุดแปลงหนึ่งของสงขลา-ปัตตานี เป็นแหล่งเพาะฟักตัวอ่อนตามธรรมชาติที่สำคัญยิ่ง ตั้งอยู่ด้านข้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ย่อมจะได้รับผลกระทบในระยะยาว

9.การสร้างโรงไฟฟ้าด้วยพลังงานถ่านหินจะก่อให้เกิดสภาวะโลกร้อนขัดกับหลักสากล ที่นานาชาติที่เจริญแล้ว ต่างเปลี่ยนมาผลิตกระแสไฟฟ้า ด้วยพลังงานทดแทน

ไฉนประเทศไทยจึงจะถอยหลังเข้าคลอง

10เป็นการสวนกระแสพระราชดำรัส “ความสุขของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญของประเทศ” และหากดำเนินโครงการนี้ต่อไปจะมีนักการเมืองที่ไม่หวังดีต่อประเทศถือโอกาสสร้างความแตกแยกให้กับ

ประชาชนให้กว้างขว้างมากยิ่งขึ้นในภาคใต้ที่มีความเปราะบางต่อความมั่นคงของประเทศ

ย้อนกลับไปถึงกระแสต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ปี 2504 และเดินเครื่องเมื่อปี 2507 โดยมีขนาดกำลังการผลิตติดตั้งแรกเริ่ม 20MW ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 60 MW จนกระทั่งถึงปี2538 จึงยกเลิกการผลิต

กระแสไฟฟ้าด้วยถ่านหินและหันมาใช้น้ำมันเตาแทน

ช่วงที่มีการเดินเครื่องเพื่อผลิตไฟฟ้าพบว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 60MW ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างรุนแรง ชาวบ้านซึ่งตั้งชุมชนอยู่รอบโรงไฟฟ้าได้ระบุว่า ช่วงที่มีการผลิต

กระแสไฟฟ้าด้วยถ่านหินได้เกิดขี้เถ้าถ่านหินจากการเผาไหม้ฟุ้งกระจาย และชาวบ้าน ต.ปกาสัย ได้รับผลกระทบ โดยที่หมู่ 4 หรือบ้านทุ่งสาครได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากอยู่ใต้ลมของโรงไฟฟ้าเป็นเวลา

7-8 เดือนต่อปี และขี้เถ้าถ่านหินทำให้ชาวบ้านจำนวนมากป่วย ส่วนใหญ่เป็นโรคทางเดินหายใจ โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ป่วยเป็นโรคหอบหืด

ในช่วงปี 2520-2530 เป็นช่วงที่ขี้เถ้าถ่านหินฟุ้งกระจายมากที่สุด ชาวบ้านเคยนำผักกาด ชนิดที่ใช้สำหรับดองมาปลูก ในตอนเช้าจะพบขี้เถ้าถ่านหินละเอียด ผสมกับน้ำค้างเกาะตามผิวใบ หากจะนำไปดอง

ต้องราดน้ำล้างออกก่อนถอน และเมื่อดองจะมีน้ำสีดำ แม้แต่บ่อกุ้ง บางครั้งขี้เถ้าถ่านหินฟุ้งกระจายและตกลงไป ยังทำให้กุ้งตายทั้งบ่อ โอ่งที่รองรับน้ำฝนจากหลังคา จะมีเถ้าถ่านหิน หากเก็บไว้เกิน 10 วัน น้ำจะออกมีสีขุ่นดำ

ขณะที่ กฟผ. ไม่เคยบอกว่าอันตราย มารู้ว่ามีโลหะหนักและสารพิษหลังจาก ชาวบ้านเจ็บป่วย เช่น เด็กในครอบครัวที่ป่วยช่วงที่มีการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหิน ยังทำให้ชาวบ้านทุ่งสาครไม่สามารถใช้น้ำฝนอุปโภคบริโภคได้ หากนำไปอาบจะเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนและคัน ต้องลงทุนขุดบ่อน้ำตื้นเพื่อนำน้ำมาใช้แทน

นอกจากสุขภาพของชาวบ้านแล้ว พิษภัยของขี้เถ้าถ่านหินยังทำให้เกิดหาย นะต่อระบบนิเวศน์รอบโรงไฟฟ้า โดย กฟผ. จะกองขี้เถ้าถ่านหินไว้ริมคลอง สนามกอล์ฟถมด้วยขี้เถ้าถ่านหิน นำไปถมเพื่อสร้างถนน เช่น ถนนทางเข้าบ้าน จะมีน้ำสีดำออกมา เมื่อฝนตกถูกชะล้างลงไปตามลำคลอง และทำให้เกิดปนเปื้อนในห่วงโซ่อาหาร เนื่องจากชาวบ้านบริโภคอาหารจากธรรมชาติ สัตว์น้ำบางชนิดมีลักษณะผิดปกติ จนไม่สามารถนำไปปรุงอาหารได้ หอยหวานหลังโรงไฟฟ้า แม้ว่าหอยลูกใหญ่และอ้วน แต่หากนำ

มาต้มจะมีน้ำสีดำ ชาวบ้านไม่กล้ารับประทาน ปูดำ มันปูจะเป็นสีเขียวคล้ำ จากเดิมมีสีเหลืองอมแดง ยางพารา ใบเขียวสดปลิดขั้วทำให้ไม่มีใบ ผลัดใบเพิ่มเป็นปีละ 3 ครั้ง ไม่สามารถกรีดยางได้ ต้องรอเวลานานนับเดือนจนกว่าจะมีใบใหม่ ขณะที่ยางบางต้นยืนต้นตาย แม้ว่าโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะเลิกใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ในการผลิตและหันมาใช้น้ำมันเตาแทน แต่ผลกระทบ ยังเกิดต่อเนื่องมานานถึง 10 ปี จนกระทั่งปัจจุบัน ชาวบ้านยังไม่ไว้ใจที่จะใช้น้ำฝน

“บิํกตู่” มองปัญหา ยางพารา ประมงและ โรงไฟฟ้าเป็นประเด็นทางการเมือง ผูกเรื่องเดียวกันหมดว่าชาวบ้านมีนักการเมืองและกลุ่ม NGOs สิ่งแวดล้อมเข้ามาร่วมต้าน

ข่มขู่ประชาชนว่าเจอ ค่าไฟฟ้าแพงแน่ถ้าไม่สร้างโรงไฟฟ้า

บิ๊กตู่และคสช.ไม่เชื่อว่าตัวเองกำลังอยู่ในช่วงขาลง โยนความผิดกล่าวหาสื่อว่านั่งเทียนเขียนข่าว สร้างภาพ ทำดราม่า

หากไม่เปลี่ยนความคิดให้ทันกาลคนที่จะพังคือท่านนายกฯพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

 

ศึกษาข้อมูลเกี่ยวข้อง:

http://www.sandiegouniontribune.com/sdut-california-coal-collapse-2016may05-story.html

http://www.latimes.com/projects/la-fi-electricity-capacity/

http://themomentum.co/clean-coal-eia

 

 

Check Also

ขอพูดด้วยคน ฉบับวันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน 2024

# ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Arthit Ourairat” เมื่อวันที่ 19 เมย. 67 ระบุว่า “จีน วิจารณ์การศึกษาของไทย”  จีนรักไทยจริงใจ…วิจารณ์การศึกษาของไทยแบบตรงๆ…อ่านแล้วเศร้าจัง ...

Leave a Reply